ว่างเว้นเวทีการเมืองไปนาน “ศิริโชค โสภา” อดีต สส.สงขลา เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันเป็น “กรรมการผู้จัดการใหญ่” และกำลังไปได้สวยกับธุรกิจโรงแรม “V20 Boutique Hotel” บนถนนวิภาวดี ซอย 20 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
“เป็นโจทย์ที่เราต้องมองหากิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำ จากที่สังเกตนักท่องเที่ยวมาพักหาดใหญ่ 1 คืน และไปต่อจังหวัดอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ยาว” มุมมอง “สส.ศิริโชค” ต่อการท่องเที่ยวสงขลาและหาดใหญ่ ซึ่งเขาอธิบายว่า ยังขาดสิ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมาอยู่ในระยะเวลาเพิ่มขึ้น ทำอย่างไรจากนักท่องเที่ยวที่ปกติทั่วไปจะมาพักเพียง 1 คืน ให้พักนานขึ้นเป็น 5 วัน จากที่พูดคุยกับเจ้าของโรงแรม นักท่องเที่ยว
มาพักแค่ 1-2 คืนเท่านั้น หากจะพัฒนาให้เป็นจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ต้องมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวอยู่เกิน 2-5 วัน
“จะเห็นได้ว่าเมืองท่องเที่ยว อย่าง ภูเก็ต เกาะสมุย จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวทำ” ยกตัวอย่าง ประเทศสิงคโปร์ เป็นเกาะที่ไม่มีอะไรเลย แต่ได้สร้างแลนด์มาร์คขึ้นมา เช่น โรงแรมแพง ที่สุดในโลก สวนสนุกระดับโลก สวนพฤษศาสตร์ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวเยอะ
สงขลา เป็นเมืองหลักของภาคใต้ มีโรงแรมจำนวนมาก แต่ทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวอยู่ยาวต้องมีการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เราต้องมีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว เช่น อควาเรียม หรือ สวนสนุกขนาดใหญ่
“เรามีต้นทุนที่ดี เพียงแต่เราต้องหาจุดที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้ก่อน” เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่จะดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เข้ามาได้ รวมถึงตลาดคนไทยที่ปัจจุบันมองข้ามจังหวัดสงขลา ต่างจากในอดีตที่มีจุดขายที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาสงขลา แล้วไปต่อปีนัง หรือมากินและเที่ยวที่หาดใหญ่ แต่จุดแข็งในอดีตมันหายไปหมดแล้ว และที่อื่นๆ เขาก็มีกัน การส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน ก็เป็นส่วนเสริม ไม่ใช่แลนด์มาร์กที่จะดึงนักท่องเที่ยวได้ เมื่อมีแลนด์มาร์ก เอกชนก็จะเชื่อมั่นในการลงทุน และ อื่น ๆ ก็จะตามมา
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบ มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่เห็นได้ชัดเจนคือ นักลงทุนที่มาลงทุนในสงขลาส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนท้องถิ่น นักลงทุนจากต่างจังหวัด หรือต่างประเทศยังไม่ค่อยมั่นใจกับสถานการณ์ดังกล่าว
จึงเป็นโจทย์ที่รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่น ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ทำอย่างไรให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนให้ได้ สส.ศิริโชค พูดถึงธุรกิจของตนเองว่า “โรงแรม V20 Boutique Hotel” ตั้งอยู่ที่เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ดำเนินกิจการเข้าปีที่ 5 “ผมชอบทำอะไรใหม่ ๆ ชอบความท้าทาย เรามีทรัพย์สินอยู่แล้ว ซึ่งเป็นโรงงานเก่า ถ้าปล่อยให้ร้างก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงคิดทำโรงแรม แม้มีคนคัดค้าน เพราะพื้นที่อยู่ในซอย ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ก็อยากลองเสี่ยงดูว่าทำธุรกิจโรงแรมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้
คิดว่าจะเป็นธุรกิจหลัก” เมื่อเริ่มทำโรงแรมเข้าจริง ได้รับผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพักเยอะ และต่างพากันรีวิวจำนวนมาก เพราะเราเน้นความเป็นบ้านหลังที่ 2 ของชาวต่างชาติ พูดคุยเสมือนคนในครอบครัว พร้อม แนะนำที่ท่องเที่ยวให้เขา ทำให้เป็นจุดขาย และนักท่องเที่ยวเข้าพักซ้ำ ๆ ทำให้เราเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิม 29 ห้องพัก ปัจจุบันขยายเป็น 50 ห้องพัก และฝ่าวิกฤตโควิด 3 ปีมาได้
“ผมศึกษาการทำโรงแรม จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการ ผู้มีประสบการณ์ และค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ทราบว่าต้นทุนหลักในการบริหารกิจการโรงแรมมี 2 อย่างคือ เงินเดือนพนักงาน และค่าไฟฟ้า จึงเห็นเหตุผลที่โรงแรมเราลงทุนพลังงานทางเลือกค่อนข้างมาก เช่น โซล่าเซลล์เกือบ 200 กิโลวัตต์ เทียบเท่าค่าไฟฟ้า 200,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่เราจ่ายแค่ 100,000 บาท และสามารถคืนทุนภายใน 3 ปี”
ขณะเดียวกัน เราทำโรงแรมที่มีห้องพักไม่มากจนเกินไป ไม่ต้องใช้บุคลากรมาก แต่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยดี ห้องพักมาตรฐาน มีจุดขายที่ลูกค้าชอบ และแตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ เช่น อควาเรียม รวมถึง การตกแต่ง ห้องพักขนาดใหญ่ ห้องน้ำใหญ่ อุปกรณ์ที่ดี พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย “คนที่มาพักรีวิว จึงมีลูกค้าติดตามมามาก ซึ่งลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ ที่มาอยู่ครั้งละหลายๆ วัน และมักจะมาซ้ำ บางคนก็มาพักที่เรา แล้วเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด เรามีที่รับฝากกระเป๋าใบใหญ่ เขาก็กลับมานอนที่เราอีก ก่อนจะกลับ”
“V20 Boutique Hotel” มีห้องพักตั้งแต่ราคาคืนละ 1,500 – 10,000 บาท ให้ลูกค้าได้เลือก เป็นโรงแรมขนาดเล็กในทำเลกลางเมือง ที่แม้จะอยู่ในซอย แต่ก็ใกล้ขนส่งสาธารณะ เดินทางสะดวก อีกทั้ง เรามีบริการรับส่งลูกค้าไปสถานีรถไฟฟ้าด้วย
“ผมชื่นชอบทางด้านไฮเทค ทำให้เห็นว่า ที่โรงแรมมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ แอร์ก็ควบคุมผ่านอินเตอร์เน็ตทั้งหมด แสดงผลผ่านทางออนไลน์” ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศยุโรป ปัจจุบันมีลูกค้าคนไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งเป็นลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ทั้งจากเว็บไซต์ จากรีวิวบอกต่อกัน และเป็นลูกค้าที่ตั้งใจมาจริง ๆ เพราะโรงแรมอยู่ในซอย
“นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแล้วเรายังมีห้องพิเศษให้ลูกค้าได้ชมอควาเรียม ห้องผนัง ให้ชมปลาสวยงาม ที่หาชมยากมาจากต่างประเทศรวมถึงชมได้จากในลิฟต์ และห้องอาหารด้่วย ซึ่งเป็นจุดขายของเรา” ขณะนี้กำลังขยายห้องประชุม ขนาด 300 คนรองรับกลุ่มเป้าหมายลูกค้างานแต่งเป็นหลัก รวมถึง การประชุมและจัดเลี้ยง และเพิ่มจำนวนห้องพัก ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ โดยการปรับปรุง “บ้าน” ขนาดใหญ่ พร้อมสระว่ายน้ำ ด้านหลังโรงแรม ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วจะทำให้โรงแรมเรามีสระว่ายน้ำถึง 2 สระ สส.ศิริโชค ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจทำ ธุรกิจโรงแรมว่า ให้เริ่มลงทุนจากขนาดเล็ก ๆ ประมาณ 30-70 ห้อง ไม่ควรเกิน 70 ห้อง เพราะเป็นจุดที่คุ้มทุน
ได้เร็ว ติดตั้งโชล่าเชลล์ รวมถึงเรียนรู้ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้มาก เพื่อลดต้นทุนการบริหารทักษะที่จะเป็นความแตกต่างสำหรับการทำธุรกิจโรงแรมที่สำคัญคือ เรื่องภาษา ถ้าคนไทยเก่งภาษามากกว่านี้ การท่องเที่ยวก็จะบูมมากกว่านี้
เช่นกัน “จากการที่ได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว พบปัญหาเรื่องภาษาของคนไทยสามารถ ที่พูดถามตอบแบบพื้นฐานได้ แต่ไม่สามารถตอบแบบเชิงลึกได้ หากโรงแรมสามารถเทรนพนักงานให้พูดภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว ให้คำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ สามารถเป็นจุดขายให้คนมาท่องเที่ยวได้
สำหรับตลาดโรงแรมใน กทม.และสงขลามีความคล้ายกัน เพราะว่าคนมาพัก.กทม.เพื่อไปต่อที่อื่นเช่นกัน แต่ กทม.มีที่เที่ยวเยอะสามารถอยู่ยาวได้ ในขณะที่สงขลานักท่องเที่ยวมาพักแล้วไม่รู้จะไปไหน เลยต้องไปต่อที่อื่นด้วย
สงขลาต้องเปลี่ยนสถานะตัวเอง จากเป็นที่แวะพักให้เป็นเป้าหมาย หรือ Destination ให้ได้ อดีตเราเคยเป็น Destination ต้องนำสิ่งนี้กลับมาให้ได้ “ถ้าสงขลามีความยั่งยืนได้ ต้องเปลี่ยนจากทางผ่านให้เป็น Destination” การนำโซล่าเซลล์มาใช้ ได้มีการศึกษามาอย่างดี เพราะมองว่าค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้นเรื่อยๆ การทำธุรกิจโรงแรมจึงต้องใช้โซล่าเซลล์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ถือเป็นจุดขายของเราเช่นกัน
