ร่องรอยอารยธรรมดันสู่มรดกโลกสงขลา หรือที่รู้จักในชื่อ “ซิงกอรา” เมืองแห่งป้อมปราการ” มีป้อมป้องกันข้าศึก มากถึง 18 ป้อม อายุกว่า 300 ปี ร่องรอยแห่งอารยธรรมผลักดันสู่มรดกโลก
ซิงกอรา (SINGORA) หรือเมืองสิงห์ เมืองซิงกู เมืองสิงหนคร เมืองสิง หะ นะ คะ ระ หรือซุนกูหน่า (เรียกในภาษาจีนที่แปลว่า สงขลา) หรือที่เขียนอยู่บนปืนใหญ่ของสุลต่าน ที่เรียกบ้านเกิดแผ่นดินเกิดของตัวเองว่า “ซิงฆูรา” ความหมายว่า ซิงฆูราคือ บ้านเกิดของฉัน
ซิงฆูรา คือ ชื่อเรียกสงขลาในภาษามลายู หรือสงขลาเขาแดง หรือสงขลาในปัจจุบัน ล้วนเป็นชื่อของเมือง ”สงขลา” ที่เรียกขานผ่านกาลเวลาจากอดีตถึงปัจจุบันทั้งสิ้น
สงขลา เป็นเมืองท่าค้าขายของสยามประเทศที่อยู่บนฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู ที่ครั้งหนึ่งสยามประเทศได้ยกเมืองนี้ให้กับประเทศฝรั่งเศส ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามจากพ่อค้านักเดินเรือว่า “เมืองแห่งป้อมปราการ” เพราะมีป้อมป้องกันข้าศึก ป้องกันเมืองเรียงรายอยู่เต็มบริเวณพื้นที่ของเมืองมากถึง 18 ป้อม
ตามที่ปรากฏในแผ่นที่โบราณที่วิศวกรชาวฝรั่งเศสชื่อ มองซิเออร์ เดอ ลามา ที่เป็นผู้ออกแบบป้อมกำแพงเมืองสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ที่ได้เดินทางมายังเมืองสงขลา และทำแผนที่เมืองสงขลาไว้เมื่อประมาณ 300 ปี หรือประมาณปี พ.ศ. 2230 ที่ทำให้เราได้เห็นภาพของจุดที่ตั้งของป้อมปืนทั้ง 18 ป้อม ของเมืองสงขลาแห่งนี้
จากการศึกษาสืบค้นเรื่องราวของความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ พอสรุปได้ว่าเมืองแห่งนี้เกิดขึ้นราวปี พ.ศ. 2145-2155 ประมาณของช่วงเวลานั้น โดยมีผู้นำมุสลิมที่มีชื่อว่า “ดาโต๊ะโมกอล” หรือโมกุล ที่เดินทางอพยพมาจากชวา และได้รับแต่งตั้งจากพระเจ้าเอกาทศรศ หรือพระศรีสรรเพชรที่ 3 พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 19 แห่งกรุงศรีอยุธยา พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา แต่งตั้งดาโต๊ะโมกอลให้เป็นเจ้าเมืองต่อมา ได้เจริญรุ่งเรืองเป็นเมืองท่าสำคัญที่ผลิตเงินสกุลของเมืองขึ้นมาใช้เองคือ เงินสกุล ซิงกอรา เป็นเมืองท่าที่ปลอดภาษี สมัยเจ้าเมืองคนที่ 2
คือ สุลต่านสุลัยมาน ถือเป็นเมืองท่าสำคัญในการค้าขายในฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู ดังบันทึกของ ซามูเอล พอทท์ส ชาวฮอลันดา ซึ่งเดินทางมาสำรวจเมืองสงขลา สำรวจตลาดที่จะเปิดการค้าขาย เมื่อปี พ.ศ. 2221 ได้บันทึกไว้ว่า เจ้าเมืองได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีที่วังของตน และแสดงความเป็นกันเองมาก มีข้อเสนอจูงใจหลายอย่าง เช่น จะไม่เก็บ
ภาษี จะหาบ้าน และที่อยู่ให้จากป้อมของเมืองนี้ในอดีตที่มีถึง 18 ป้อม จวบจนมาถึงปัจจุบันยังมีป้อมเหลือให้ได้เห็นอยู่ถึง 14 ป้อม ที่มากพอที่จะทำให้โลกใบนี้ได้หันมามอง มาดูร่องรอยแห่งอารยธรรมของความเจริญรุ่งเรือง ที่ถือเป็นเรื่องราวสำคัญที่จะทำให้เมืองสงขลา และประเทศไทยได้มีแหล่งมรดกโลกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางเมืองมรดกโลก อันจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางภาคใต้ของประเทศไทยกันต่อไป