Home » ข่าว » ธรรมจักร์ เหลืองประเสริฐ! นักกิจกรรมวิศวะม.อ.-กูรูโรงแรมไทย

ธรรมจักร์ เหลืองประเสริฐ! นักกิจกรรมวิศวะม.อ.-กูรูโรงแรมไทย

คอลัมน์ PSU Alumni Talk โดย สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ฉบับนี้ แวะมาคุยกับ“พี่ท็อป” ธรรมจักร์​ เหลือง​ประเสริฐ​ ศิษย์​เก่า​คณะ​วิศวกรรมศาสตร์​ มหาวิทยาลัย​สงขลา​นครินทร์​ (ม.อ.)​ ผู้ประสบความสำเร็จและเชี่่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจโรงแรม โดยปัจจุบันเป็น “ประธานกรรมการ​ บริษัท​ อาจารย์ณา​ แอสเสท​เเมนเนจเม้นท์​ กรุ๊ป จำกัด​” ที่ทำหน้าที่บริหารโรงแรม และบริการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, ผู้ทรงคุณวุฒิส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม กระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทย

พี่ท็อป เล่าว่า​ พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ จบม.ศ. 5 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ม.อ. เพราะชอบสาขาวิชาวิศวกรรมเคมีมาก จึงมองหาสาขาที่เปิดสอบเข้าคณะวิศวะ ม.อ. เป็นอันดับ 2 และสอบติด

ครั้งแรกที่เดินทางไกลนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ สู่สงขลา ได้สัมผัส ม.อ. ในสมัยนั้นมีตึกวิศวะ ตึกฝักทองมีต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี รู้สึกดี มีความเป็นธรรมชาติเมื่อมาถึง ม.อ.

“ความประทับใจแรกคือ การดูแลที่ดีมาก ๆ ของรุ่นพี่ แม้ผ่านไปหลายสิบปีความรู้สึกนั้นก็ยังอยู่รุ่นพี่ดูแลตั้งแต่นั่งขบวนรถไฟจนถึงมหาวิทยาลัย ถึงที่พัก และการรับน้อง แม้พี่รหัสจะรีไทร์ไปแล้ว แต่ก็ยังฝากรุ่นพี่และเพื่อนดูแลเป็นอย่างดี อบอุ่นมาก”

4 ปีในรั้ว ม.อ.มีความสุข สนุกครบทุกรส ได้เจอเพื่อน ทั้งจากภาคใต้และภาคกลาง ได้ใช้ชีวิตกับคนหลากหลาย ได้แลกเปลี่ยน ชีวิตวัยรุ่นผ่านการมีแฟนและกิจกรรมตลอด 4 ปีแน่นมาก

“ผมเป็นนักศึกษาที่ได้มีโอกาสร่วมในทุกกิจกรรม เราเป็นคนที่เปิดกว้าง ทัศนคติบวก แบ่งเวลาเรียนควบคู่กับกิจรรมเต็มที่”

ปี 1 ได้รับเลือกเป็น “ประธานชั้นปี“ ได้รู้จักพี่น้องเพื่อนฝูงมาก ขึ้นปี 2 ได้รับเลือกเป็น “สมาชิกสภานักศึกษา ประเภททั่วไป” คือเลือกจากนักศึกษาทุกคณะในมหาวิทยาลัยฯ ขึ้นปี 3 เป็น “เลขาธิการองค์การบริหาร องค์การนักศึกษา” ทำหน้าที่พูดบนเวที ใน “พรรคเพื่อน” และในปี 4 ก็ยังทำกิจกรรมโดยสนับสนุนรุ่นน้อง มาเป็นบทบาทกองหลัง

หลังผ่านการเรียนปี 1 วิชาพื้นฐานทั่วไป และปี​ 2​ เลือกเรียน​ “วิศวกรรม​อุตสาหการ” เพราะได้คุยกับเพื่อนๆ และคิดว่าเรียนจบแล้วจะเป็นผู้จัดการ

“สี่ปีในม.อ. นอกจากความรู้ด้านวิชาชีพวิศวกรรมบัณฑิต สาขาอุตสาหการแล้ว ด้วยความเป็นนักกิจกรรม เราเป็น leader สิ่งที่ติดตัวเรามา คือ ฝึกความเป็นภาวะผู้นำ ด้านบุคลิกภาพ การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน ทำให้ติดตัวมาถึงทุกวันนี้”

หลังจบจากม.อ. ตัดสินใจสมัครเข้าสอบ และได้เรียนต่อ​ปริญญาโท​ MBA​ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์​ (NIDA)​ ซึ่งยุคนั้นกำลังรุ่ง​

ระหว่างที่รอผลสอบเข้านิด้าได้ไปสมัครงาน​หลายแห่ง​ เลือกทำที่บริษัท​ Toshiba ตอนที่สัมภาษณ์​มีจากหลาย​มหาวิทยาลัย​ดัง​ แต่บริษัท​เลือกตนเพราะผลจากการทำกิจกรรม​มามาก​ คิดว่าจะนำพาและใช้​ทักษะ​ตรงนี้มาบริหาร​จัดการในโรงงานได้​ หลังจากทำได้​ 3​ เดือน​ ทราบผลสอบติด​นิด้า ​และได้ออกมาเรียนแบบ​ Full​ Time

MBA จุดเปลี่ยนถึงหลักคิด“ประธานเจริญ”
จบ​ MBA​ เป็นจุดเปลี่ยน​แปลง​อาชีพ​ เริ่มงานแรกที่โรงแรมบางกอกพาเลส ด้าน​ Marketing​ และมาเป็น​ Sale​ ย้ายไปหลายโรงแรม​ และได้เป็น​ Director of​ Marketing​ ที่โรงแรม ภูเก็ต อาเคเดีย

ในยุคนั้น มีแค่​ 255 ห้อง​ ขยายมาเป็น​ 500-700​ ห้อง ทำอยู่ 10​ ปีแล้วย้ายมาทำที่ Imperial​ Group​ ดูแลบริหารจัดการโรงแรม​ในเครืออิมพีเรียล​ รับผิดชอบ​ภาคเหนือ​ 6​ โรงแรม​ อาทิ​ โรงแรม​อิมพีเรียลแม่ปิง​ เชียงราย​ แม่ฮ่องสอน​ เพชรบูรณ์​

กระทั่ง คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี​ หรือที่เรียกว่า“ท่านประธาน”​ ได้ซื้อกิจการ​ในเครือโรงแรม​อิมพีเรียล​ จึงตกมาอยู่ในร่มชายคาของคุณ​เจริญ​ และทำงานที่นี่ 14​ ปี​ กระทั่ง early retire ออกมาขณะอายุ​54 ปี​ และได้​ Setup บริษัท​ของตัวเอง​ชื่อ “อาจารย์​ณา”​โดยดำเนินธุรกิจซื้อ-ขายโรงแรม​และอสังหาริมทรัพย์​ทุกชนิด​ กับธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม​ด้วยมืออาชีพ​

ปัจจุบัน ​รับบริหารโรงแรมเดอะ พาร์ค ไนน์​ 2​ สาขา

แนวคิดและที่มาในการตัดสินใจทำธุรกิจดังกล่าว พี่ท็อป นำคำกล่่าวท่านประธาน​เจริญ​ที่ว่า​ …“เวลาเราจะทำธุรกิจ​ ถ้าเราเริ่มต้นจากศูนย์​ เราจะใช้เวลาอย่างน้อย​อีก​ 2​ ปี​ กว่าจะมีรายรับ​ แต่ถ้าเรา​ Take Over กิจการ เราจะมีรายรับตั้งแต่วันที่ซื้อเลย”​

จึงได้ไอเดียนี้มาตั้งแต่สมัยยังทำงาน​ ได้มีโอกาสเจอเจ้าของ​โรงแรมหลาย ๆ แห่ง​ ประกอบกับเดินทาง​ต่างประเทศ​บ่อยมาก​ ทำให้มีความรู้จากตรงนั้น​ ส่วนการบริหาร​จัดการโรงแรมก็อยู่ในสายเลือดไปแล้ว

“เรียกได้ว่าเป็นคนโรงแรม​มาโดยตตลอด”

ศึกษาตลอดชีวิต-งานสำเร็จ แบ่งปันสังคม

“สิ่งหนึ่งที่ผมบอกกับตัวเอง​คือ​ เรามีเวลาเป็นของตัวเองในระดับหนึ่ง​ เราเลือกทำงานในช่วงเวลาที่เราอยากทำได้​ มีอิสระ​ ถ้าถามว่าประสบความสำเร็จ​หรือยัง​ ผมไม่สามารถวัดได้ แต่คนเราจะมีความสุขได้มาจากครอบครัว​ ทุกวันนี้แบ่งเวลา​ 60% ให้ครอบครัว​ ส่วนอีก​ 40% ให้งาน”​

“สุขที่สุด​คือ​ การไม่มีหนี้สิน​ มีครอบครัวที่ดี​ มีเวลาในสิ่งอยากทำ​ และที่สำคั​ญ​มีสุขภาพ​ร่างกาย​แข็งแรง​ ไปไหนได้สะดวก​ มันจะสำเร็จ​หรือไม่​ แต่มัน คือการใช้ชีวิต​”

นอกจากจบวิศวะ ม.อ. กับ MBA นิด้าแล้ว พี่ท็อปยังเคยศึกษา สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมด้านสื่อสารมวลชน(Mcot Academy), Wellness for Nation-Buijding ที่สถาบันการสร้างชาติ, Mini MBA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ Mini MBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“ผมเป็นคนรักการเรียนรู้​ คนเราต้องเรียนรู้​ตลอดชีวิต โดยไม่จำเป็น​ต้องไปเรียนกับสถาบัน​ก็ได้​ แต่การเรียนนั้นเราได้วิชาการและคอนเน็กชั่น​ไปด้วย จึงได้เรียนหลายหลักสูตร​ จัดสรรเวลาไปเรียนรู้เพื่อนำไปต่อยอดในธุรกิจโรงแรมได้ด้วย”

นอกจาการศึกษา งาน และชีวิตครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ ลงตัวแล้ว พี่ท็อป ยังทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม​มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ปรึกษา​สมาคม​โรงแรม​ไทย และ สมาชิก​สโมสรโรตารีกรุงเทพเบญจสิริ​ ที่เป็นมาตั้งแต่อายุกว่า 30 ปี

พี่ท็อป บอกว่า ด้วยความเป็น “ลูกพระบิดา​”ที่ติดตัวเราได้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว​ เราบอกกับตัวเองเสมอว่า ต้องตอบแทนให้สังคม​ ซึ่งแบ่งเป็น​ 2​ ส่วนคือ​ หนึ่ง การให้ด้วยความสามารถ​และเวลาที่ไปช่วยเหลือ​สังคม​ และ​สอง เงินรายได้​ที่มอบให้

“ที่สำคั​ญการช่วยเหลือ​สังคม​เล็ก​ ๆ​ ในที่ทำ​งาน​ เชื่อว่าถ้าเรามีการให้ จิตใจเราจะมีความสุข​ สุขภาพ​จิตและสุขภาพ​ใจเราจะดีไปด้วย”

ภาคใต้ ธรรมชาติ-ชุมชนยั่งยืน

พี่ท็อป มองภาคใต้​บ้านเราว่า เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว​ สิ่งที่เป็นเสน่ห์​ของภาคใต้​ คือ​ ธรรมชาติ​และศิลปวัฒนธรรม​การที่ทำให้เกิด​ Sustainable หรือความยั่งยืน​ อันเกิดจากทรัพยากร​ อาทิ​ ป่าไม้​ แหล่ง​น้ำ​ทรัพยากรชุมชน​ จึงต้องช่วยกันดูแลชุมชน​โดยรอบ​ และ​สิ่งแวดล้อม​ ขยะ​ พลาสติก​ พลังงาน​สะอาด​ ดังนั้น​ทำอย่างไร​ให้ธรรมชาติ​มีความยั่งยืน

สำหรับ ม.อ. ซึ่งเป็น​มหาวิทยาลัย​หลักในการผลิต​นักศึกษา​ทางด้านท่องเที่ยว​ออกมาสู่สังคม​ ต้องมีองค์ความรู้​ที่เป็น Hard Skills ทักษะหรือความสามารถที่ใช้ในการทำงานแต่ละสายอาชีพ และ​ Soft​ Skills ที่ต้องตามมา​ มีทัศนคติ​บวก​ รักท้องถิ่น​บ้านเกิด​เชิดชูสนับสนุน​ศิลปวัฒนธรรม​ รักธรรมชาติ​สิ่งแวดล้อม​ เพื่อให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน แล้วชุมชน​ก็จะเติบโต​ไปกับเรา​ ทุกคนก็จะมีความสุข

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *